คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์ของคุณดีเพียงพอแล้ว?
คุณเคยทำการทดสอบทางกายภาพหรือไม่?
แล้วการทดสอบทางกายภาพคืออะไร....

Crash Test
Reference photo: Crash Test (Sep 12, 2019)
Website: https://www.earnhardtlexus.com/blogs/4363/what-do-they-do-with-crash-test-cars
การทดสอบทางกายภาพ ( Physical Testing ) เป็นการทดสอบขั้นพื้นฐานและเป็นการทดสอบที่สำคัญ ซึ่งทำเพื่อประเมินคุณภาพ ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
กระบวนการสร้างต้นแบบ ( Prototype ) เริ่มต้นจากการกำหนดความต้องการ ออกแบบชิ้นงาน หลังจากนั้นจะทำการวิเคราะห์และทดสอบประสิทธิภาพของชิ้นงาน กระบวนการทดสอบนี้ใช้เวลามากถึง 80% ของกระบวนการทั้งหมด ทั้งยังเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่จะสามารถเพิ่มมูลค่าในกับชิ้นงานได้ด้วย ทั้งนี้หากการวิเคราะห์ยังไม่เป็นไปตามความต้องการ ก็จะวนกลับไปทำการออกแบบและนำกลับมาทดสอบใหม่ แล้วคุณคิดว่าต้องทำการทดสอบกี่ครั้งถึงจะได้ต้นแบบที่ดีที่สุดออกมา
วิศวกรและผู้ผลิตมักจะค้นหาคำตอบเกี่ยวกับการออกแบบที่มีประสิทธิภาพของพวกเขาซึ่งในอดีตพวกเขาใช้การทดสอบทางกายภาพ ( Physical Testing ) และอุตสาหกรรมต่างๆได้ตระหนักมานานแล้วว่าการทดสอบทางกายภาพเพียงอย่างเดียวมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากและใช้เวลานานเกินไป
Wind Tunnel Testing
Reference photo
Carsten Frederiksen (January 19, 2022). Wind Tunnel Testing.
Website: https://dewesoft.com/blog/list-of-wind-tunnel-testing-facilities
ยกตัวอย่างเช่น การสร้างอุโมงค์ลมใช้ในการทดสอบทางด้านกลศาสตร์ของไหล โดยจะทดสอบเกี่ยวข้องกับด้านอากาศพลศาสตร์ เพื่อศึกษาอิทธิพลของอากาศที่ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุรวมถึง ศึกษาความทนทานของวัตถุนั้น ๆ เมื่ออากาศไหลผ่านที่ความเร็วต่างกัน
นอกจากนี้ยังมี การทดสอบด้านความปลอดภัยของรถยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ต้องมีการทดสอบการชนก่อนผลิตรถยนต์รุ่นนั้นๆออกสู่ตลาด เพื่อให้ผ่านตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย แน่นอนว่าการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆในการทดสอบแต่ละครั้งใช้ทรัพยากรที่สูงและทำในสเกลขนาดใหญ่มาก ผลที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายและเวลาที่สูงตามไปด้วย
ณ ปัจจุบันจึงมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยวิเคราะห์ในส่วนนี้นั่นคือ Computer-aided engineering (CAE) ซึ่งสามารถลดจำนวนการทดสอบแบบดั้งเดิมที่อาจใช้เวลานานในหน่วยปี เปลี่ยนมาเป็นเวลาในหน่วยเดือน วัน หรือระดับชั่วโมงได้ แล้ว CAE ทำสิ่งนั้นได้อย่างไร? เครื่องมือไหนที่เหมาะกับคุณ? ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ของเราหรือ Facebook page: ISID Thailand.